วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2563

น้ำพริกอาข่าบนยอดดอยช้าง อร่อยตรึงใจ

 น้ำพริกอาข่าบนยอดดอยช้าง อร่อยตรึงใจ





ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋



ช่วงเดือนตุลาคมปี 2563 พ่อสล่า ของไมด้าและนารา ได้รับการว่าจ้างให้ขึ้นมาวาดรูป   บนฝาผนังโบสถ์คาทอลิก วัดบุญราศี  บ้านดอยช้างใหม่หมู่ 27 ซอย 6 ตำบลดอยช้าง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย แม่เอ๋โชคดี ที่พ่อสล่าให้มาช่วยทำงาน บนดอยช้างด้วย  ในฐานะผู้จัดการศิลปิน ผู้ช่วย ในวงเล็บแม่ครัว คนขับรถ แม่บ้าน คนเตรียมอาหาร คนซักผ้า จุดประสงค์แอบแฝงของแม่เอ๋ขึ้นมาหาข้อมูลในการเขียนบทความส่งครูพี่ลักษณ์  หรือเป็นข้ออ้างขึ้นมาท่องเที่ยวนั่นเอง จริงๆแล้วนับตั้งแต่มีลูก  แม่เอ๋ก็มีนิสัยใหม่เกิดขึ้น  นั้นก็คือการที่จะชอบเรียนรู้ต่อสิ่งต่าง ๆ  ทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง  เมื่อห้าปีที่ผ่านมา  ครอบครัวพ่อสล่าและแม่เอ๋ทำบ้านเรียนให้ลูก  หรือเรียกว่าโฮมสคูลนั่นเอง เมื่อมีลูกคนแรกและลูกเริ่มที่ต้องไปโรงเรียน แม่เอ๋หาข้อมูลเยอะมาก จนจัดการเรียนการสอนโดยการจัดประสบการณ์ให้ลูกเรียนรู้เองที่บ้านโดยขออนุญาตกับทางเขตพื้นที่การศึกษา ตามกฏหมาย  พ่อ แม่เป็นผู้ส่งเสริมจัดหาการเรียนรู้ ของลูก


    เมื่อการเรียนรู้ได้กลายเป็นนิสัยส่วนตัวของแม่เอ๋ การขึ้นมาในครั้งนี้จึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เพราะขึ้นมาอยู่ใกล้ชิดกับชนเผ่าชาติพันธุ์บนดอยช้าง เป็นเวลานานเกือบ 1 เดือน บนดอยช้างนี้มี 3 ชนเผ่าก็คืออาข่า ลีซอ หรือลีซู  รวมทั้งจีนฮ่อ  ที่มาจากยูนนาน และมีอยู่ 2 หมู่บ้าน  ก็คือบ้านวาวีและบ้านดอยช้าง เรียกว่า 2 บ้านดอย 




ภาพถ่ายหมู่บ้านดอยช้าง แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ



ผู้คนบนนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม 


 หรือทำไร่  ปลูกกาแฟ เชอรี่ สตรอเบอร์รี่ แมคคาเดเมีย ในไร่ของชาวบ้านมีผักผลไม้หลายอย่าง เช่น มะเขือเทศ กะหล่ำ ผักกาด เป็นต้น


      ที่เป็นอาหารหลักเห็นจะเป็นมะเขือเทศ หรือมะเขือส้ม ถือเป็นนางเอกในไร่เลยค่ะ  โดยนำมากินแนมผักสด ผักลวก แม่เอ๋ได้ลองชิมน้ำพริกมะเขือส้ม หรือ เรียกว่าน้ำพริกมะเขือเทศ เป็นครั้งแรกจากเด็กชาวเขา ที่ไปเรียนโรงเรียนสุนทรศึกษา โรงเรียนในการกุศลของวัดที่ลำปาง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ติดบ้านของแม่เอ๋ นานมาหลายปีแล้ว



   วันนี้หลังจากที่แม่เอ๋ เดินตามมายด้าเพื่อไปดูลำธารหลังโรงเรียน


แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ




 ด้านหลังของโรงเรียน เป็นโรงงานแม็คคาเดเมีย โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเผ่าลีซู หรือลีซอ  


แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ



แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ



แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ





แม่เอ๋ถ่ายเองค่ะ






มีนมแม็คคาเดเมียให้ทดลองดื่มฟรีด้วย พี่ ๆ ชาวอาข่า กระซิบมา  และมีสินค้า ที่ทำจากแม็คคาเดเมียแปรรูป เป็นของฝาก หลายอย่าง รวมถึงครีมถนอมผิวจากแมคคาเดเมีย  น้ำมันจากแม็คคาเดเมีย



   หลังจากแม่เอ๋ และเด็ก ๆ ดื่มนมแม็คคาเดเมีย พี่เจ้าของร้าน ให้ชิมกาแฟสดที่ปลูกบริเวณหน้าผา ปลูกแซมป่าแบบอินทรีย์แล้ว เด็ก ๆ ทั้งหลายก็อยากเดินต่อเพื่อไปที่ลำธาร

แม่เอ๋จึงขอตัวลากลับ หมดไปสามร้อย


แม่เอ๋ถ่ายภาพเองค่ะ



แม่เอ๋ถ่ายภาพเองค่ะ


แม็คคาเดเมีย 2 ถุง

และน้ำมันแม็คคาเดเมียอีก 1 ขวด 


ภาพแม่เอ๋ถ่ายเอง


ภาพแม่เอ๋ถ่ายเอง


โดยขากลับจากลำธาร เดินกลับอีกฝั่งน้ำของหมู่บ้าน


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ


  แม่เอ๋และเด็ก ๆ เดินผ่านไร่ที่ชาวบ้านปลูกฟักทอง


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




 ข้ามลำธาร มาขึ้นบันไดทางขึ้นกลับมาในหมู่บ้าน แต่เป็นการเดินขึ้นบันไดที่ชาวบ้านทำง่าย ๆ สูง และชัน บันไดร้อยขั้นเลย



ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




 ซึ่งสำหรับแม่เอ๋ซึ่งมีนำ้หนัก 80 กิโลกรัม ก็ถือว่าอุ้ยอ้ายพอทน แม่เอ๋ค่อย ๆ ปีน เอ้ย เดิน ใช้คำว่าเดินหรือปีนดีนะ น่าจะปีน มากกว่า  พอปีนกลับขึ้นมาบนหมู่บ้านได้แล้ว เริ่มลำพองใจ ฮึ ฮึ ….คราวนี้คือไต่ขึ้นบันไดมาจนถึงถนนเส้นหลักหน้าโบสถ์ของหมู่บ้าน        มีทางขึ้นไปบนบ้านชาวบ้านอีก  ซึ่งก็เป็นบ้านคน  ที่สร้างตามภูเขาเหมือนขั้นบันได แม่เอ๋นึกสนุก ก็เดินขึ้นไปดู เพราะเห็นอาม่านั่งผิงแดด 


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ





ช่วงบ่ายสี่โมงเย็น ซึ่งอีกไม่นาน อากาศคงจะเย็นลงเรื่อย ๆ แม่บ้านชาวอาข่าเริ่มหุงหาอาหาร แม่เอ๋เดินขึ้นไปดูบ้านที่แม่เฒ่านั่งผิงแดด ก็ไปเจอพี่ผู้หญิงที่เคยเจอบ่อย ๆ


ภาพศาลากลางบ้านของอาข่า แม่เอ๋ถ่าย



 ที่ศาลาหมู่บ้านหน้าโบสถ์  จุดศูนย์กลางที่ชาวบ้านมานั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน  ปักเย็บผ้าบ้าง  เอาเด็กเล็ก ๆ มาเลี้ยงด้วยกัน   มีความอบอุ่นเอื้อเฟื้อ    ดูแลกัน สามัคคีกัน ทุก ๆ วัน พอแม่เอ๋เจอพี่สาวผู้คุ้นเคยหน้า แต่ไม่รู้หรอกว่าชื่ออะไร ต่างคนต่างเรียกกันพี่  แม่เอ๋ขอเดินไปชมในครัวและถามไถ่พูดคุย    


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



     พี่สาวทำอะไรกิน พี่สาวอาข่าใจดี ก็ตอบว่าทอดไส้กรอกให้ลูก ส่วนตัวเธอและผู้ใหญ่ในบ้านคนอื่น ๆ นั้น ยังนึกเมนูไม่ออก ฉันชอบครัวบ้านพี่สาวใจดีคนนี้ สะอาดเเละเป็นระเบียบดีจัง ฉันขอเธอถ่ายภาพครัวของอาข่า  


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




     ฉันชวนพี่สาวใจดีไปดูผักบ้านป้า ที่อยู่อีกฝั่งถนนตรงกันข้ามกับบ้านพี่สาวใจดี ป้าพูดไทยไม่ได้ พูดได้แต่อาข่า 




ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




      พี่สาวพูดไทยได้ พี่สาวขอเก็บผักของป้าให้ฉัน ป้าช่วยเก็บผักให้เยอะเลยสามสันก็น่าจะกินไม่หมด  หลังจากนั้นป้าพาไปดูห้องครัว จริง ๆ แล้ว ป้าคงแค่เดินไปหยิบถุงมาใส่ผัก  ฉันมองเห็นมะเขือเทศ ป้าบอกซื้อมาจากตลาด ป้าแบ่งให้ฉันสามลูก ฉันเลยได้โอกาส ขอพี่สาวใจดีสอนทำน้ำพริกมะเขือส้ม หรือน้ำพริกมะเขือเทศ


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



 ฉันถามพี่สาวใจดีว่ามีอะไรบ้างที่เราจะใส่ลงไปในน้ำพริก พี่สาวหยิบทุกอย่างที่ใช้ทำมาวางอย่างคล่องแคล่ว


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



วัตถุดิบ

  1.มะเขือเทศ

  2.กระเทียม

  3.เกลือ

  4.พริกสด

  5.หอมชู ถ้าไม่มีก็ผักชีไทย ได้เลยค่ะ


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



   พี่สาวใจดี เล่าให้ฟังว่าคนบนดอยกินง่าย อยู่ง่าย กินอะไรที่เป็นแบบธรรมชาติ ไม่ใส่เครื่องปรุงเยอะแยะอะไร มีแค่เกลือเป็นเครื่องปรุง ในระหว่างนั้นเธอก็โยนมะเขือเทศเข้าเตาถ่าน และโยนพริกเขียวตามให้ไปนอนข้าง ๆ มะเขือเทศสุก มีสารไลโคปิน จากมะเขือเทศทำงานเต็มที่ แน่ ๆ ฉันเดาว่าพริกที่เผาชื่อพริกกระเหรี่ยงแน่นอน เนื่องจากเม็ดสั้น ป้อม 



ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



ขั้นตอนการปรุง


1.นำมะเขือเทศ และพริกกระเหรี่ยงเผาในเตาฟืนที่เป็นถ่านพอสุก แกะเปลือกสีดำที่ไหม้ออก


2.ใส่เกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ นำมะเขือที่เผาสุกและแกะเปลือกสีดำออก ใส่ลงในครก พร้อมพริกที่เผาแล้ว ตำจนละเอียด พี่สาวใจดีบอกยิ่งละเอียด ยิ่งอร่อย  เวลาตำ ตำนาน ๆ หน่อย



แม่เอ๋ถ่ายภาพค่ะ


3. เมื่อตำจนละเอียด  จนพริกมะเขือเทศ  เกลือเข้ากันแล้วก็เติมผักชีใส่ลงไป


4.ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ จัดผักสดและผักลวกใส่จาน อาทิเช่น  ฟักทองนึ่ง ต้นหอม ผักสลัด ผักที่เก็บในแปลง ที่มีในบ้านกระทั่งสะระแหน่ก็สามารถนำมากินแนมได้


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ


    ต้นทุนทำในวันนี้ ไม่มีซักบาท เป็นการให้ การแบ่งปันและน้ำใจ พี่สาวชาวอาข่าใจดี  


ถามกับแม่เอ๋ ว่าข้างล่างไม่มีแบบนี้แน่เลยใช่ไหม  แต่แม่เอ๋ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแต่  ได้แต่คิดเงียบ ๆ ว่า วัฒนธรรมการแบ่งปัน และการให้ของคนข้างล่างลดน้อยลงไปทุกที  คงเกิดจากวัตถุนิยมและการที่จะต้องหาเงิน  เพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน  ต้องใช้วิธีการตัวใครตัวมัน  


        การแบ่งปัน  ที่เคยมีมาในคนไทยหรือคนเอเชียก็สูญหายไป  เรื่องการให้ ซึ่งจริงๆแล้วก็สอดคล้องกับรูปวาดบนผนังโบสถ์  ที่พ่อสล่ามาวาดบนดอยจนทำให้แม่เอ๋ได้ขึ้นมาเรียนรู้วิธีการทำน้ำพริกมะเขือเทศ  ที่จะขอจดจำให้ได้  และคงจะไม่ลืมด้วยน้ำใจที่พี่ ๆ เพื่อน ๆ  อาข่ามีให้ครอบครัวของแม่เอ๋  


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




ไม่ว่าจะเป็นยอดผักซาโยเต้  ที่มาวางไว้ที่โต๊ะอาหารโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาให้  กระทั่งผักต่าง ๆ ก็มีคนเก็บมาให้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งภาพวาดที่พ่อศักดิ์มาวาดนี้ เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับการแบ่งปันและการให้ครั้งนี้ด้วย  


ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ



ภาพที่พ่อศักดิ์วาด มาจากพระคัมภีร์ พระเยซูทรงเสก ขนมปัง 5 ก้อนกับปลาอีก 2 ตัว ทวีจำนวน ให้คนอพยพราว 5,000 คน ได้กิน  ซึ่ง  ก็เป็นหลักคำสอนของศาสนาคริสต์  เรื่องการแบ่งปันหรือว่ากุศโลบายของคนโบราณ  ในการสอนผู้คนให้รู้จักเมตตาแบ่งปัน  เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ  


         แม่เอ๋ได้รับการแบ่งปันความรู้จากเพื่อน ๆ ทุกคน  ได้รับอาหาร เอื้อเฟื้อเรื่องการงานจากเพื่อน ๆ  ได้รับโอกาส  การให้จึงทำให้โลกนี้น่าอยู่  และถ้อยที  ถ้อยอาศัย  ในการอยู่ร่วมกัน  เหมือนคนบนดอยช้าง  ที่หลากหลายเผ่าพันธุ์  แต่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข  ไม่มีเรื่องไม่มีราว  ไม่มีตำรวจอยู่บนนี้  มีทหารอยู่ที่สูง  แต่ทุกคนไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ต่อกัน อาศัยอยู่อย่างสามัคคี    รักกันเหมือนพี่น้องเกรงอกเกรงใจ  ดูแลกัน   นี่คือสิ่งที่แม่เอ๋เห็น   และได้รับ  ในเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่มาอาศันอยู่บนดอยช้างแห่งนี้  




ภาพถ่ายโดยแม่เอ๋เองค่ะ




 ความทรงจำนี้จะจดจำตราตรึงในหัวใจของแม่เอ๋  พ่อสล่าทรงศักดิ์  และมายด้าตลอดไป 


YouTube : kakai arts

ติดตามผลงาน 

หรือทักทายกันได้ที่

Line ID : 0946697891

Phone Number : 094 669 7891  


Blog :  https://kakaiarts88.blogspot.com

Facebook Page : แม่เอ๋ kakaiarts

Email  :  kakaiarts@gmail.com



—————-

แม่เอ๋เล่าเรื่องได้ดีขึ้นมากมาย มีคำผิด ตกหล่นนิดหน่อย แต่เรื่องที่เล่าจากประสบการณ์ น่าอ่าน น่าทึ่ง น่าสนใจมาก และเป็นแนวคิดที่ดีงาม เช่น แม่เอ๋ทำโฮมสคูล เลิศมาก วันหลังเล่านะคะว่า จัดการเรียนการสอนยังไงบ้าง 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น